有关汉语水平考试常见提问
** การสอบ HSK คืออะไร
** ข้อสอบ HSK ระบบใหม่กับระบบเก่าแตกต่างกันอย่างไร
** การสอบ HSK ระบบใหม่กับระบบเก่า เทียบเกรดกันอย่างไร
** สอบ HSK ไปทำไม เพื่ออะไร
** สอบ HSK ต้องรู้อะไรบ้าง
** สอบ HSK ต้องมีความรู้ภาษาจีนระดับไหน
** เตรียมตัวสอบ HSK อย่างไร
** เปิดสอบ HSK เมื่อไหร่ ค่าสมัครสอบเท่าไหร่ ฯลฯ
คนเรียนภาษาจีนบางคนก็ได้ยินและรู้จักการสอบ HSK อย่างละเอียดแล้ว บางคนก็อาจจะรู้คร่าวๆ จึงขอนำข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับการสอบ HSK มาลงไว้ในบล็อกนี้เพื่อท่านที่สนใจ
** การสอบ HSK คืออะไร
HSK ย่อมาจาก ( Hànyǔ Shuǐpíng Kǎoshì )แปลว่าการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน เป็นการสอบที่เป็นมาตรฐานระดับชาติของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
กลุ่มเป้าหมายคือจัดสอบให้แก่ผู้เรียนภาษาจีนที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่ ( รวมถึงชาวต่างชาติ ชาวจีนโพ้นทะเล และชนชาติส่วนน้อยภายในประเทศจีนเองด้วย) บางคนเรียกการสอบ HSK นี้ว่า “โทเฟลจีน” (汉语托福)เพื่อความเข้าใจง่าย
HSK是汉语水平考试 ( Hànyǔ Shuǐpíng Kǎoshì)的缩写。 汉语水平考试(HSK)是为测试母语非汉语者(包括外国人、华侨和中国国内少数民族人员)的汉语水平而设立的国家级标准化考试。
ผลสอบ HSK จึงเป็นมาตรฐานระดับที่รัฐบาลจีนรับรอง และเป็นที่ยอมรับจากสถานศึกษาทั่วโลกที่เปิดสอนภาษาจีน สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบในการยื่นสมัครเรียน สมัครขอทุน สมัครงาน หรือใช้วัดระดับความรู้สำหรับตนเองได้
ในประเทศไทย มีบางมหาวิทยาลัย บางสาขาวิชากำหนดคุณสมบัติด้านภาษาของผู้สมัครเรียนปริญญาตรี ไว้ว่าต้องมีผลสอบ HSK ระดับ 3 (ระบบเก่า) ขึ้นไป
มหาวิทยาลัยทั่วไปในประเทศจีน จะกำหนดคุณสมบัติด้านภาษาของนักศึกษาต่างชาติที่จะสมัครเรียนปริญญาตรี ไว้ที่ระดับ 3 - 6 ขึ้นอยู่กับสาขาที่สมัครเรียน
จีนได้ดำเนินการจัดสอบ HSK อย่างเป็นทางการภายในประเทศจีนในปี 1990 และจัดสอบนอกประเทศจีนในปี 1991 การสอบในระบบเดิมแบ่งเป็น 11 ระดับ แบ่งเป็นขั้นพื้นฐาน (ระดับ 1 – 3 ) ขั้นต้น (ระดับ 4-5) ขั้นกลาง (ระดับ 6 7 8 ) และขั้นสูง (ระดับ 10 – 11)
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงระบบสอบและแนวข้อสอบ โดยแบ่งเป็น 6 ระดับคือระดับ 1 – 6 ผู้สอบจะได้รับใบรับรองผลกการสอบ HSK ระบบใหม่ 《新汉语水平考试(HSK)成绩报告》แทนใบประกาศนียบัตร HSK〈汉语水平证书〉ซึ่งในใบรับรองผลการสอบนั้นจะระบุคะแนนในแต่ละทักษะไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนด้วย (ตัวอย่างและภาพของใบผลคะแนนสอบจะนำลงประกอบในโอกาสต่อไป)
ปี 2010 ใช้ข้อสอบ HSK ระบบใหม่เป็นปีแรกทั่วโลก
HSK ระดับ 1 และระดับ 2 ใหม่ เป็นระดับที่รู้คำศัพท์น้อยมาก ประมาณ 150 – 300 คำ เป็นระดับที่ใช้สื่อความในชีวิตประจำวันได้
HSK ระดับ 3 ใหม่ เทียบเท่ากับ HSK ระดับ 1- 3 ของการสอบระบบเก่า
สอบได้ 210 คะแนน (ของระดับ 3 ใหม่) ขึ้นไป จะเทียบได้กับระดับ 2 ของระบบเก่า
ต้องสอบได้ 240 คะแนนขึ้นไป (ของระดับ 3 ใหม่) จึงจะเทียบได้กับระดับ 3 ของระบบเก่า
( ผู้ที่สอบผ่านระดับนี้ สามารถใช้ภาษาจีนในระดับที่ซับซ้อนขึ้น ใช้หลักไวยากรณ์ได้ระดับหนึ่ง ใช้ยื่นสมัครศึกษาต่อปริญญาตรีสาขาวิชาภาษาจีนในประเทศจีนในบางมหาวิทยาลัยได้ )
HSK ระดับ 4 ใหม่ เทียบเท่ากับ HSK ระดับ 3-4-5 ในระบบเก่า
ต้องสอบได้ 180 คะแนน (ของระดับ 4 ใหม่) ขึ้นไป จึงจะเทียบได้กับระดับ 3 ของระบบเก่า
ต้องสอบได้ 195 คะแนน (ของระดับ 4 ใหม่) ขึ้นไป จึงจะเทียบได้กับระดับ 4 ของระบบเก่า
ถ้าสอบได้ 210 คะแนนขึ้นไป จะเทียบได้กับระดับ 5 ของระบบเก่า
( ใช้ยื่นเพื่อสมัครศึกษาต่อปริญญาตรีสาขาวิชาภาษาจีนในประเทศจีนได้ )
HSK ระดับ 5 ใหม่ เท่ากับ HSK ระดับ 6-7-8 ในระบบเก่า
สอบได้ 180 คะแนนขึ้นไป จะเทียบได้กับระดับ 6 ของระบบเก่า
สอบได้ 195 คะแนนขึ้นไป จะเทียบได้กับระดับ 7 ของระบบเก่า
สอบได้ 210 คะแนนขึ้นไป เทียบเท่ากับระดับ 8 ของระบบเก่า
(ใช้ยื่นสมัครศึกษาต่อปริญญาโทบางสาขาวิชาในประเทศจีนได้)
HSK ระดับ 6 ใหม่ เท่ากับ HSK ระดับ 9-10-11 ในระบบเก่า
สอบได้ 180 คะแนนขึ้นไป จะเทียบได้กับระดับ 9 ของระบบเก่า
สอบได้ 195 คะแนนขึ้นไป จะเทียบได้กับระดับ 10 ของระบบเก่า
สอบได้ 210 คะแนนขึ้นไป เทียบได้กับระดับ 11 ของระบบเก่า ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด
ระดับ 6 (หรือระดับ 8 - 9 เก่า) ใช้ยื่นเพื่อศึกษาต่อ ปริญญาโทสาขาการสอนภาษาจีนเป็นภาษาต่างประเทศ หรือสาขาวรรณคดีจีนได้
ระดับ 6 ( คะแนนสูงๆ หรือระดับ 10 ) ใช้ยื่นศึกษาต่อปริญญาเอก และสูงกว่าปริญญาเอก (บางสาขาวิชา) ในประเทศจีนได้
เรื่องนี้โพสต์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2010 ( 2010 年 12 月 16 日 )
ในลิงก์ http://www.oknation.net/blog/chineseclub/2010/12/16/entry-1
โดย
สุวรรณา สนเที่ยง (张碧云)
สถาบันภาษาจีนฟิวเจอร์ซี
泰国 曼谷
คะแนนสอบเป็นเพียงมาตรฐานอย่างหนึ่งในการวัดผลบางด้านบางส่วนเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศักยภาพความสามารถที่เป็นจริง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศักยภาพความสามารถที่เป็นจริง
เราส่งเสริมให้เรียนภาษาจีนเพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้จริง ไม่ใช่เรียนเพียงเพื่อสอบเอาคะแนนเท่านั้น การสอบได้คะแนนดี เป็นเพียงผลที่ตามมา
เราส่งเสริมให้เรียนภาษาจีนพร้อมๆ กับเรียนรู้วิธีคิดและหลักปรัชญาของคนจีน ไม่ใช่เรียนอย่างฉาบฉวย
ภาษาจีนเป็นภาษาที่สวยงามมาก ทั้งด้านรูป เสียง และความลึกล้ำในการสื่อความ หากเรียนแบบท่องไปพูดหรือท่องไปสอบ สอบเสร็จลืม ก็จะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก
ติตามเกร็ดความรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีนเพิ่มเติม ที่ Facebook : Suwanna Sontiang (คลิกที่นี่ค่ะ)
ศึกษาต่อปักกิ่ง http://www.futurec-cn.com/ศึกษาต่อประเทศจีน/
เรียนภาษาจีนในไทย ติดต่อเราที่ http://www.futurec-cn.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น